รถผ่อนอยู่จัดใหม่ได้ ไม่ต้องเปลี่ยนชื่อ ไม่ต้องจอด แถมมีเงินเหลือใช้
รับจำนำทะเบียนไม่ต้องโอน ไม่ต้องจอดรถ ดอกเบี้ย 1%
รับจำนำทะเบียนแบบโอน ไม่ต้องค้ำประกัน ไม่ต้องทำประกันภัย
ผู้ซื้อ-ผู้ค้ำติดแบล็คลิสต์บัตรเครดิตธนาคาร เรื่องบ้าน-เรื่องรถยนต์ ผ่านได้ไม่มีปัญหา
1 วันรับเงิน (ค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ไม่เรียกเก็บเงินลูกค้าก่อน หักหน้าเช็ค)
รับเงินเดือนเป็นเงินสด ไม่มีบัญชีธนาคาร เราจัดให้ผ่านได้ ... ไม่ยุ่งยาก
ที่เก่าผ่อนสูง ค้างค่างวดรถ ต้องการยืดระยะเวลา เราจัดให้ได้แถมผ่อนน้อยลง มีเงินเหลือใช้
พ่อค้าแม่ค้าใช้สัญญาเช่าพื้นหรือ มีหน้าร้านเราจัดให้ผ่าน 100%ตารางอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อรถแลกเงินแบบ โอนเล่มทะเบียน (ดอกเบี้ยคงที่)
เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567
รถเก๋ง
ปีจดทะเบียน อัตราดอกเบี้ยคงที่ ต่อปี
(Flat Interest Rate) ระยะเวลาการผ่อนชำระ ต่อเดือน
2009 - 2025 3.18% - 8.70% * ตั้งแต่ 12 - 84 *
*เทียบเท่าดอกเบี้ยลดต้นลดดอก 5.93% - 15.00% ต่อปี
รถกระบะ / รถตู้
ปีจดทะเบียน อัตราดอกเบี้ยคงที่ ต่อปี
(Flat Interest Rate) ระยะเวลาการผ่อนชำระ ต่อเดือน
2009 - 2025 3.18% - 8.70% * ตั้งแต่ 12 - 84 *
*เทียบเท่าดอกเบี้ยลดต้นลดดอก 5.93% - 15.00% ต่อปี
ตารางอัตราดอกเบี้ยรถแลกเงินแบบ ไม่โอนเล่มทะเบียน (ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก)
เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567
ปีจดทะเบียน อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้น ลดดอก ต่อปี
(Effective Interest Rate) ระยะเวลาการผ่อนชำระ ต่อเดือน
2009 - 2025 12.00% - 23% * ตั้งแต่ 12 - 72 *
*เทียบเท่าดอกเบี้ยคงที เริ่มต้น 0.54% ต่อเดือน
ระยะเวลาการผ่อนชำระ
แบบโอนเล่มทะเบียน ผ่อนชำระเท่ากันทุกเดือน ตั้งแต่ 12 - 84 เดือน (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของลูกค้าที่เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด)
แบบไม่โอนเล่มทะเบียน โปะได้ หรือผ่อนชำระเท่ากันทุกเดือน ตั้งแต่ 12 - 72 เดือน (โปะได้ หมายถึง การจ่ายเงินเกินจากค่างวดที่กำหนด เงินส่วนที่เกินดังกล่าว จะถูกนำไปตัดเงินต้นทั้งจำนวน ทำให้เงินต้นลดลง ส่งผลให้ในเดือนถัดไป ดอกเบี้ยจ่ายจะลดลง)
จัดง่ายค่าใช้จ่ายน้อย
ดูเอกสารรู้ผลทันที
หลังอนุมัติได้รับเงินเลยไม่ต้องรอ
ติดแบล็คลิสต์ เครดิตบูโรที่นี่รับได้หมด
2 ช่องทางการประเมินวงเงินสินเชื่อเบื้องต้นเพื่อซื้อรถใหม่ รถบ้าน รถมือสอง มอเตอร์ไซค์และบิ๊กไบค์ ที่มอบประสบการณ์สินเชื่อยานยนต์ที่ง่ายดาย ลูกค้าสามารถประเมินวงเงินสินเชื่อได้ด้วยตนเองพร้อมรับทราบวงเงินประเมินเบื้องต้นทาง SMS ภายใน 3 นาที (สำหรับการประเมินวงเงินสินเชื่อเบื้องต้น) โดยลูกค้ายังไม่ต้องตัดสินใจเลือกแบรนด์และรุ่นรถ
ทั้งนี้ วงเงินประเมินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับเป็น วงเงินประเมินเบื้องต้น ที่ช่วยให้ลูกค้าทราบความสามารถในการซื้อรถของตนเอง โดยความแม่นยำของวงเงินประเมินดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับการตอบคำถามตามความเป็นจริงที่สุด นอกจากนี้ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท ยังมีที่ปรึกษาพร้อมสตาร์ท ให้คำแนะนำเรื่องสินเชื่อรถตั้งแต่วันแรกที่กรอกข้อมูลจนถึงวันรับรถ
3 ช่องทางการประเมินวงเงินสินเชื่อเบื้องต้นเพื่อซื้อรถใหม่ รถบ้าน รถมือสอง มอเตอร์ไซค์และบิ๊กไบค์ ที่มอบประสบการณ์สินเชื่อยานยนต์ที่ง่ายดาย ลูกค้าสามารถประเมินวงเงินสินเชื่อได้ด้วยตนเองพร้อมรับทราบวงเงินประเมินเบื้องต้นทาง SMS ภายใน 3 นาที (สำหรับการประเมินวงเงินสินเชื่อเบื้องต้น) โดยลูกค้ายังไม่ต้องตัดสินใจเลือกแบรนด์และรุ่นรถ
ทั้งนี้ วงเงินประเมินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับเป็น วงเงินประเมินเบื้องต้น ที่ช่วยให้ลูกค้าทราบความสามารถในการซื้อรถของตนเอง โดยความแม่นยำของวงเงินประเมินดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับการตอบคำถามตามความเป็นจริงที่สุด นอกจากนี้ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท ยังมีที่ปรึกษาพร้อมสตาร์ท ให้คำแนะนำเรื่องสินเชื่อรถตั้งแต่วันแรกที่กรอกข้อมูลจนถึงวันรับรถ
ผ่อนรถไม่ไหว โดนยกเลิกสัญญา โดนคำสั่งศาล และจะส่งมอบรถคืนได้ไหม ทำอย่างไร?
การส่งมอบรถคืนไฟแนนซ์ให้ถูกวิธี และถ้าไฟแนนซ์ไม่รับต้องไปสำนักงานวางทรัพย์: หรือไม่
การตัดสินใจคืนรถให้ไฟแนนซ์ เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากมีผลกระทบทางด้านการเงินและกฎหมายตามมา ดังนั้น ก่อนตัดสินใจใดๆ ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่นและถูกต้อง
ขั้นตอนการส่งมอบรถคืนไฟแนนซ์
ตรวจสอบสัญญา: อ่านสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ให้ละเอียด เพื่อดูเงื่อนไขการคืนรถ เช่น ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้น หรือขั้นตอนการดำเนินการ
ชำระหนี้ค้าง: ก่อนคืนรถ ควรชำระค่างวดที่ค้างชำระทั้งหมด รวมถึงค่าปรับต่างๆ หากมี เพื่อป้องกันปัญหาในภายหลัง
เตรียมเอกสาร: เตรียมเอกสารสำคัญ เช่น สัญญาเช่าซื้อ สมุดคู่มือรถยนต์ บัตรประชาชน และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
แจ้งไฟแนนซ์: แจ้งให้ไฟแนนซ์ทราบถึงความประสงค์ในการคืนรถ และนัดหมายวันเวลานำรถไปส่งมอบ
ตรวจสอบสภาพรถ: ก่อนส่งมอบรถ ควรตรวจสอบสภาพรถให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันข้อพิพาทเรื่องความเสียหาย
รับเอกสารยืนยัน: ขอรับเอกสารยืนยันการส่งมอบรถจากไฟแนนซ์ เพื่อเป็นหลักฐาน
และถ้าไฟแนนซ์ไม่รับคืนรถ
หากไฟแนนซ์ปฏิเสธที่จะรับคืนรถ หรือมีข้อพิพาทเกิดขึ้น ผู้เช่าซื้อรถยนต์สามารถดำเนินการดังนี้
ร้องเรียน: ยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมบังคับคดี เพื่อการวางทรัพย์
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมาย เพื่อขอคำแนะนำในการดำเนินคดี
สำนักงานวางทรัพย์: การนำรถไปฝากไว้ที่สำนักงานวางทรัพย์เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แต่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อน เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายและขั้นตอนที่ซับซ้อน
ข้อควรรู้
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม: การคืนรถอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียมการคืนรถ ค่าขนส่ง หรือค่าเสียหายจากการใช้งานรถ
ผลกระทบต่อเครดิต: การผิดนัดชำระหนี้ หรือมีประวัติการผิดนัดชำระหนี้ อาจส่งผลกระทบต่อเครดิตบูโร ซึ่งอาจมีผลต่อการขอสินเชื่อในอนาคต
คำแนะนำ:
ศึกษาข้อมูลให้ละเอียด: ก่อนตัดสินใจใดๆ ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด เพื่อให้เข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตนเอง
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากมีข้อสงสัย ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมาย หรือผู้ให้คำปรึกษาทางการเงิน
เก็บหลักฐาน: เก็บรักษาเอกสารหลักฐานต่างๆ ไว้ให้ครบถ้วน เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินการในภายหลัง
หมายเหตุ: ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงข้อมูลทั่วไป การดำเนินการจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในสัญญาเช่าซื้อและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมกับกรณีของแต่ละท่าน
การผ่อนรถเป็นภาระที่หลายคนต้องเจอ แต่หากวันหนึ่งคุณพบว่าการผ่อนรถไม่ไหว อาจทำให้เกิดความกังวลใจว่า ถ้าผ่อนรถไม่ไหวทำไงดี บทความนี้จะนำเสนอวิธีการเตรียมพร้อมและทางออกที่ช่วยให้คุณไม่ต้องสูญเสียเครดิตหรือโดนยึดรถ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการ คืนรถไฟแนนซ์ และการรีไฟแนนซ์รถยนต์ เพื่อให้คุณมีทางเลือกในการจัดการภาระการเงินได้อย่างเหมาะสม
ถ้าผ่อนรถไม่ไหวทำไงดี
หากเราพบว่าการผ่อนรถเริ่มเป็นภาระหนัก ควรพิจารณาวิธีการจัดการต่าง ๆ ดังนี้
ขายดาวน์ให้กับคนอื่น
ผ่อนรถไม่ไหว เราสามารถขายดาวน์ให้กับคนอื่นได้ สามารถทำได้ 2 วิธีคือ
1. ขายในราคาตลาด
วิธีนี้จะเป็นการขายรถในราคาที่ตรงกับราคาตลาดในปัจจุบัน วิธีนี้จะช่วยให้เราได้รับเงินก้อนใหญ่เพียงพอที่จะนำมาชำระหนี้ที่ค้างคาได้ทันเวลา การขายในราคาตลาดมีข้อดีหลายอย่าง เช่น
ได้รับเงินก้อนใหญ่ทันที : เงินที่ได้จากการขายในราคาตลาดสามารถนำมาชำระหนี้สินได้ทันที ทำให้คุณหลุดพ้นจากภาระหนี้ได้รวดเร็ว
ลดภาระดอกเบี้ย : การชำระหนี้ที่ค้างคาในทันทีจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในอนาคต
2. ขายตามจำนวนเงินดาวน์แล้วให้เจ้าของใหม่ไปผ่อนต่อเอง
วิธีนี้คือการขายรถในราคาที่เท่ากับจำนวนเงินดาวน์ที่เราได้จ่ายไปแล้ว จากนั้นให้ผู้ซื้อใหม่เข้ามารับผิดชอบในการผ่อนชำระต่อ วิธีนี้จะช่วยให้เราไม่เสี่ยงคืนรถไฟแนนซ์ ไม่ถูกยึดรถ และไม่เสียเครดิตในระยะยาว ข้อดีของวิธีนี้คือ
ลดความเสี่ยงในการถูกยึดรถ : การขายรถแบบนี้ช่วยให้เราไม่เสี่ยงถูกยึดรถและไม่ต้องเสียประวัติทางการเงิน
ง่ายต่อการหาผู้ซื้อ : ราคาขายตามจำนวนเงินดาวน์ที่จ่ายไปแล้วมักจะถูกกว่า ทำให้หาผู้ซื้อได้ง่ายกว่า
ตัวอย่างเช่น หากเราจ่ายเงินดาวน์ไปแล้ว 100,000 บาท และยังมีหนี้สินที่ต้องผ่อนต่อเดือนละ 10,000 บาท ผู้ซื้อใหม่จะต้องจ่ายเงินดาวน์ 100,000 บาทให้เราและรับผิดชอบการผ่อนชำระเดือนละ 10,000 บาทต่อไป
ถ้าผ่อนรถไม่ไหวทำไงดี ? การเลือกวิธีใดวิธีหนึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเงินและความต้องการของเรา การขายดาวน์ให้กับคนอื่นเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยให้เราสามารถจัดการภาระการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องเสี่ยงต่อการถูกยึดรถหรือติดเครดิตบูโร
คืนรถยนต์ให้กับไฟแนนซ์
ผ่อนรถไม่ไหวคืนรถได้ไหม ? หากรู้ตัวว่ากำลังจะผ่อนไม่ไหว การคืนรถไฟแนนซ์ อาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด การคืนรถเองจะดีกว่าการปล่อยให้รถถูกยึด การคืนรถเพราะผ่อนไม่ไหวจะไม่ทำให้เสียประวัติทางการเงิน
ถ้าคืนรถให้ไฟแนนซ์เสียเครดิตไหม? คำตอบคือถ้าคืนรถเองและไม่มีการค้างชำระจะไม่เสียเครดิต แต่ถ้าปล่อยให้ค้างชำระจนถูกยึดจะเสียเครดิตและติดแบล็กลิสต์
รีไฟแนนซ์รถยนต์
ผ่อนรถไม่ไหวคืนรถได้ไหม หากมีความจำเป็นต้องใช้รถแนะนำให้ลองรีไฟแนนซ์รถยนต์ก่อน การรีไฟแนนซ์รถยนต์ คือ การขอสินเชื่อใหม่เพื่อมาชำระสินเชื่อเดิม วิธีนี้จะช่วยลดค่างวดรายเดือนหรือขยายระยะเวลาการผ่อนชำระ ทำให้เราสามารถจัดการภาระการเงินได้ง่ายขึ้น โดยปกติแล้วการรีไฟแนนซ์จะมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าและเงื่อนไขการผ่อนชำระที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
ประโยชน์ของการรีไฟแนนซ์รถยนต์มีดังนี้
ลดค่างวดรายเดือน : การรีไฟแนนซ์จะช่วยลดภาระค่างวดรายเดือน ทำให้เราสามารถบริหารจัดการเงินได้ดีขึ้น
ขยายระยะเวลาการผ่อนชำระ : สามารถขยายระยะเวลาการผ่อนชำระออกไปได้ ทำให้เรามีเวลาในการจัดการภาระหนี้สิน
ลดอัตราดอกเบี้ย : โดยปกติแล้วการรีไฟแนนซ์จะมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าสินเชื่อเดิม ทำให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
ปรึกษากับธนาคาร
หากรู้สึกว่าภาระการเงินเริ่มหนักเกินไป การปรึกษากับธนาคาร เพื่อหาทางออกเป็นสิ่งที่ควรพิจารณา ธนาคารมักมีหลายวิธีที่จะช่วยลูกหนี้ให้สามารถจัดการกับภาระหนี้ได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องเสียเครดิต โดยวิธีที่นิยมใช้มีดังนี้
การปรับโครงสร้างหนี้ :
เป็นการเจรจากับธนาคารเพื่อปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระหนี้ เช่น การขยายระยะเวลาการผ่อนชำระหรือลดอัตราดอกเบี้ย
การผ่อนชำระเฉพาะดอกเบี้ย : ในบางกรณีธนาคารอาจอนุญาตให้คุณผ่อนชำระเฉพาะดอกเบี้ยในระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้เรามีเวลาในการจัดการภาระหนี้ที่เหลือ
การหาวิธีชำระหนี้ใหม่ : ธนาคารอาจเสนอทางเลือกอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของเรา เช่น การรีไฟแนนซ์ หรือการขอสินเชื่อเพิ่มเติมเพื่อมาชำระหนี้เดิม
หลายคนที่กำลังผ่อนรถอยู่อาจเคยประสบปัญหาทางการเงิน และคิดหาทางออกเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย แต่รู้หรือไม่ว่า เราสามารถขอ รีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดกับสถาบันการเงินรายใหม่ได้ด้วย โดยหลักการของการรีไฟแนนซ์รถก็คือ การขอสินเชื่อก้อนใหม่จากสถาบันการเงินใหม่ เพื่อมาปิดสินเชื่อก้อนเดิมของสถาบันเดิม แล้วย้ายมาผ่อนสินเชื่อก้อนใหม่ที่ให้ประโยชน์และโปรโมชันที่คุ้มค่า มีความเหมาะสมกับสถานภาพทางการเงินของเราในเวลานั้น ๆ มากกว่าเดิม โดยจะมีวงเงินที่เหลือจากการปิดสินเชื่อเดิมที่เราสามารถนำไปใช้จ่ายและเสริมสภาพคล่องทางการเงินของเราได้อีกด้วย และเพื่อให้คุณมีข้อมูลเกี่ยวกับการ รีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดมากขึ้น ในบทความนี้ จะมาไขข้อข้องใจว่า รวมถึงให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
การรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดทำได้หรือไม่?
คำตอบคือ คุณสามารถรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดได้ แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่สถาบันการเงินนั้น ๆ กำหนด ซึ่งโดยทั่วไปแล้วสถาบันการเงินจะพิจารณาอนุมัติการรีไฟแนนซ์เมื่อรถยนต์ของผู้ขอสินเชื่อตรงตามเงื่อนไขดังนี้
ราคาประเมินรถเข้าไฟแนนซ์ต้องมากกว่ายอดที่จะปิด
ผู้กู้ได้ผ่อนชำระไปแล้วมากกว่า 50% ของยอดหนี้รถยนต์ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปตามนโยบายของแต่ละสถาบันการเงิน บางแห่งอาจมีเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นมากกว่า เช่น อาจพิจารณาจากประวัติการชำระเงินที่ดี หรือรายได้ของผู้กู้ประกอบด้วย
ทำไมคนถึงนิยมรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด
แม้ว่าเวลาที่เราซื้อรถคันใหม่ เราอาจจะพิจารณารายละเอียดของสินเชื่อรถยนต์ให้ได้สิ่งที่คุ้มค่าตั้งแต่แรกแล้ว แต่ก็มีหลายเหตุผลที่ทำให้เราเลือกการรีไฟแนนซ์ในเวลาต่อมา ตัวอย่างเช่น
การรีไฟแนนซ์รถยนต์ช่วยให้มีเงินก้อนไปเสริมสภาพคล่อง
เมื่อเวลาผ่านไป การใช้ชีวิตของเราก็อาจจะเปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น อีก 4 ปีต่อมา บางคนอาจจะพบภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตมากขึ้น อาจจะมีภาระหนี้มากขึ้นจากการที่ดอกเบี้ยเงินกู้สูงขึ้น หรืออาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ทำให้เราต้องเก็บเงินออมมากขึ้น ก็อาจจะเริ่มรู้สึกว่าการบริหารจัดการเงินทำได้ยากขึ้น เพราะรายรับรายจ่ายตึงเกินไป ก็จะต้องวางแผนจัดการภาระหนี้และภาระทางการเงินใหม่ทั้งหมด
การรีไฟแนนซ์รถจึงเป็นวิธีที่เปิดโอกาสให้ผู้กู้สามารถปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระหนี้ให้สอดคล้องกับรายได้และค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกระยะเวลาผ่อนชำระที่เหมาะสม หรือการปรับรูปแบบการชำระเงินให้ตรงกับรอบการรับรายได้ ทำให้การบริหารจัดการหนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ลดภาระค่าใช้จ่ายรายเดือน
การรีไฟแนนซ์มักมาพร้อมกับการขยายระยะเวลาผ่อนชำระ ทำให้ค่างวดต่อเดือนลดลง ช่วยให้ผู้กู้มีภาระทางการเงินที่น้อยลงและสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น
หลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้
สำหรับผู้ที่กำลังประสบปัญหาในการชำระหนี้ตามกำหนด การรีไฟแนนซ์เป็นทางเลือกที่ช่วยหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อประวัติเครดิต เพราะการปรับโครงสร้างหนี้ผ่านการรีไฟแนนซ์ จะช่วยให้ผู้กู้สามารถจัดการภาระหนี้ได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงในการถูกยึดรถ และรักษาประวัติเครดิตให้อยู่ในเกณฑ์ดีข้อดีของการรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด
นอกจากเหตุผลว่าทำไมคนถึงนิยมรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่เราได้กล่าวไปข้างต้นแล้ว การรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดยังมีข้อดีเพิ่มเติมอีกหลายประการ ดังนี้
ประหยัดเงิน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ได้มาหลังจากการรีไฟแนนซ์จะถูกลง และยอดผ่อนชำระดอกเบี้ยต่อเดือนก็จะน้อยลงตามเช่นเดียวกัน ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อย่างมาก
ได้ยืดเวลาผ่อนจ่ายให้นานขึ้น เราสามารถเลือกขอผ่อนชำระให้ยาวนานขึ้นได้ งวดต่อเดือนก็จะลดลง ทำให้เราจัดการชีวิตได้ง่ายขึ้น
ได้เงินก้อนส่วนต่าง เมื่อสถาบันทางการเงินอนุมัติสินเชื่อรีไฟแนนซ์ให้เรา เราอาจจะได้รับเงินส่วนต่างเพื่อมาใช้ในเรื่องสำคัญต่างๆในชีวิตประจำวันได้ ยกตัวอย่างเช่น ในสินเชื่อเดิม เราจะต้องผ่อนรถจำนวน 1 ล้านบาท เราผ่อนมาแล้ว 8 แสนบาท เหลือที่จะต้องผ่อน 2 แสนบาท หลังจากทำการรีไฟแนนซ์แล้ว สถาบันการเงินอาจจะอนุมัติสินเชื่อใหม่ 5 แสนบาท เพื่อให้เรานำเงินไปปิดสินเชื่อเก่า 2 แสนบาท อีก 3 แสนบาท ทำให้สามารถนำเงินส่วนต่างไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ โดยไม่ต้องหาแหล่งเงินกู้เพิ่มเติม ซึ่งอาจมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าได้
รถยังผ่อนไม่หมดขอสินเชื่อได้ไหม?
หากสงสัยว่า รถยังผ่อนไม่หมดขอสินเชื่อได้ไหม? คำตอบคือได้ เพราะการรีไฟแนนซ์นั้นตรงกับหลักการที่ว่า รถผ่อนอยู่ก็กู้ได้ จะเห็นได้ว่าการรีไฟแนนซ์ ทำให้เราสามารถเริ่มต้นผ่อนหนี้ก้อนใหม่ที่มีเงื่อนไขและประโยชน์ที่ดีกว่าเดิม ทำให้สามารถจัดการหนี้ได้ดีขึ้น ช่วยบริหารเงินในชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้นได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามหากเราต้องการจะทำการรีไฟแนนซ์ จะต้องผ่อนมามากกว่า 50% ของยอดหนี้รถยนต์ทั้งหมด ซึ่งหากเราวางเงินดาวน์มากก็จะมีโอกาสได้รับอนุมัติสินเชื่อได้มากเช่นกัน
เลือกรีไฟแนนซ์รถที่ไหนดี?
รถติดไฟแนนซ์ สามารถรีไฟแนนซ์รถได้ 2 ทางเลือกคือ การรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดกับสถาบันการเงินเดิม และการย้ายไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดไปยังสถาบันการเงินใหม่ โดยการรีไฟแนนซ์ทั้ง 2 ทางเลือกมีรายละเอียดที่ควรทราบ ดังนี้
รีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดกับสถาบันการเงินเดิม
การรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินเดิมมีข้อดีคือ กระบวนการรวดเร็วและสะดวกกว่า เนื่องจากสถาบันการเงินมีข้อมูลของคุณอยู่แล้ว นอกจากนี้ หากคุณเป็นลูกค้าที่มีประวัติการชำระเงินที่ดี อาจได้รับข้อเสนอพิเศษหรือการพิจารณาที่ยืดหยุ่นกว่า อย่างไรก็ตาม ข้อเสียคือ คุณอาจไม่ได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุดในตลาด เนื่องจากไม่ได้เปรียบเทียบกับสถาบันการเงินอื่น ๆ
ย้ายไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดไปสถาบันการเงินใหม่
การย้ายไปรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินใหม่เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากกว่า เนื่องจากสถาบันการเงินแห่งใหม่ มักจะให้ข้อเสนอที่ดีกว่า เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า หรือวงเงินสินเชื่อที่สูงกว่า เป็นต้น แต่กระบวนการอาจใช้เวลานานและต้องเตรียมเอกสารมากกว่า นอกจากนี้ ยังอาจมีค่าธรรมเนียมในการปิดบัญชีกับสถาบันการเงินเดิมด้วย
สิ่งที่จะต้องทำก่อนรีไฟแนนซ์รถยนต์
การรีไฟแนนซ์รถยนต์นั้นสามารถทำได้ทั้งกับสถาบันการเงินที่เราใช้บริการสินเชื่ออยู่แล้ว หรือสถาบันการเงินแห่งใหม่ ก่อนที่เราจะทำการรีไฟแนนซ์นั้น ควรจะต้องหาข้อมูลต่างๆประกอบการพิจารณาก่อน ไม่ว่าจะเป็นข้อเปรียบเทียบของบริการ อัตราดอกเบี้ย เงื่อนไขและข้อเสนอต่างๆขอสถาบันการเงินแต่ละแห่ง เพื่อดูข้อดี ข้อเสีย และเลือกว่าที่ไหนจะให้ประโยชน์กับเราได้สูงสุด
สรุปแล้วการรีไฟแนนซ์รถคือการนำรถยนต์ที่กำลังผ่อนอยู่มาขอสินเชื่อใหม่ที่ได้ประโยชน์มากกว่าเดิม ทั้งข้อเสนอ เงื่อนไข อัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาการผ่อน ซึ่งการพิจารณาสินเชื่อนั้นจะต้องผ่อนมามากกว่า 50% ของยอดหนี้รถทั้งหมด หรือเราสามารถวางเงินดาวน์รถจำนวนมากเพื่อให้มีโอกาสได้รับอนุมัติสินเชื่อได้มากขึ้น อย่าลืมว่าก่อนรีไฟแนนซ์รถเราจะต้องเปรียบเทียบข้อเสนอจากสถาบันการเงินต่างๆเพื่อให้เราได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุด
รีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดได้ไหม มีข้อดีอะไร ทำไมคนถึงนิยม
รีไฟแนนซ์
9 มิ.ย. 2568
หลายคนที่กำลังผ่อนรถอยู่อาจเคยประสบปัญหาทางการเงิน และคิดหาทางออกเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย แต่รู้หรือไม่ว่า เราสามารถขอ รีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดกับสถาบันการเงินรายใหม่ได้ด้วย โดยหลักการของการรีไฟแนนซ์รถก็คือ การขอสินเชื่อก้อนใหม่จากสถาบันการเงินใหม่ เพื่อมาปิดสินเชื่อก้อนเดิมของสถาบันเดิม แล้วย้ายมาผ่อนสินเชื่อก้อนใหม่ที่ให้ประโยชน์และโปรโมชันที่คุ้มค่า มีความเหมาะสมกับสถานภาพทางการเงินของเราในเวลานั้น ๆ มากกว่าเดิม โดยจะมีวงเงินที่เหลือจากการปิดสินเชื่อเดิมที่เราสามารถนำไปใช้จ่ายและเสริมสภาพคล่องทางการเงินของเราได้อีกด้วย
เพื่อให้คุณมีข้อมูลเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดมากขึ้น ในบทความนี้ ทาง เพชรลัดดา ออโต้ลีส. จะมาไขข้อข้องใจและให้ความรู้รวมถึงให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
การรีไฟแนนซ์รถยนต์คืออะไร?
การรีไฟแนนซ์รถยนต์ คือ การขอสินเชื่อก้อนใหม่เพื่อนำมาปิดยอดหนี้รถยนต์ที่กำลังผ่อนอยู่ในปัจจุบัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการผ่อนชำระให้ดีขึ้น เช่น การลดอัตราดอกเบี้ย การขยายระยะเวลาผ่อนชำระให้นานขึ้น หรือการลดค่างวดต่อเดือนลง ซึ่งจะช่วยให้ผู้กู้สามารถบริหารจัดการภาระทางการเงิน มีสภาพคล่องทางการเงิน ได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่ิอง
การรีไฟแนนซ์รถยนต์เป็นวิธีการที่ช่วยให้ผู้กู้สามารถปรับโครงสร้างหนี้ของตนเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องขายรถหรือส่งคืนรถให้กับสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการใช้รถต่อไป แต่ต้องการลดภาระทางการเงิน
ในขณะเดียวกันการรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดทำได้หรือไม่?
คำตอบคือ คุณสามารถรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดได้ แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่สถาบันการเงินนั้น ๆ กำหนด ซึ่งโดยทั่วไปแล้วสถาบันการเงินจะพิจารณาอนุมัติการรีไฟแนนซ์เมื่อรถยนต์ของผู้ขอสินเชื่อตรงตามเงื่อนไขดังนี้
1.ราคาประเมินรถเข้าไฟแนนซ์ต้องมากกว่ายอดที่จะปิด
ผู้กู้ได้ผ่อนชำระไปแล้วมากกว่า 50% ของยอดหนี้รถยนต์ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปตามนโยบายของแต่ละสถาบันการเงิน บางแห่งอาจมีเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นมากกว่า เช่น อาจพิจารณาจากประวัติการชำระเงินที่ดี หรือรายได้ของผู้กู้ประกอบด้วย
2.ทำไมคนถึงนิยมรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด
แม้ว่าเวลาที่เราซื้อรถคันใหม่ เราอาจจะพิจารณารายละเอียดของสินเชื่อรถยนต์ให้ได้สิ่งที่คุ้มค่าตั้งแต่แรกแล้ว แต่ก็มีหลายเหตุผลที่ทำให้เราเลือกการรีไฟแนนซ์ในเวลาต่อมา
การรีไฟแนนซ์รถยนต์ช่วยให้มีเงินก้อนไปเสริมสภาพคล่องได้จริง
เมื่อเวลาผ่านไป การใช้ชีวิตของเราก็อาจจะเปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น อีก 4 ปีต่อมา บางคนอาจจะพบภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตมากขึ้นเพราะมีลูก อาจจะมีภาระหนี้มากขึ้นจากการที่ดอกเบี้ยเงินกู้สูงขึ้น หรืออาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ทำให้เราต้องเก็บเงินออมมากขึ้น ก็อาจจะเริ่มรู้สึกว่าการบริหารจัดการเงินทำได้ยากขึ้น เพราะรายรับรายจ่ายไม่สมดุลกัน ก็จะต้องวางแผนจัดการภาระหนี้และภาระทางการเงินใหม่ทั้งหมด
การรีไฟแนนซ์รถจึงเป็นวิธีที่เปิดโอกาสให้ผู้กู้สามารถปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระหนี้ให้สอดคล้องกับรายได้และค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกระยะเวลาผ่อนชำระที่เหมาะสม หรือการปรับรูปแบบการชำระเงินให้ตรงกับรอบการรับรายได้ ทำให้การบริหารจัดการหนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ลดภาระค่าใช้จ่ายรายเดือน
การรีไฟแนนซ์มักมาพร้อมกับการขยายระยะเวลาผ่อนชำระ ทำให้ค่างวดต่อเดือนลดลง ช่วยให้ผู้กู้มีภาระทางการเงินที่น้อยลงและสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น
หลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้
สำหรับผู้ที่กำลังประสบปัญหาในการชำระหนี้ตามกำหนด การรีไฟแนนซ์เป็นทางเลือกที่ช่วยหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อประวัติเครดิต เพราะการปรับโครงสร้างหนี้ผ่านการรีไฟแนนซ์ จะช่วยให้ผู้กู้สามารถจัดการภาระหนี้ได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงในการถูกยึดรถ และรักษาประวัติเครดิตให้อยู่ในเกณฑ์ดีรถยังผ่อนไม่หมดขอสินเชื่อได้ไหม?
หากสงสัยว่า รถยังผ่อนไม่หมดจะขอสินเชื่อได้ไหม?
คำตอบ คือได้ เพราะการรีไฟแนนซ์นั้นตรงกับหลักการที่ว่า รถผ่อนอยู่ก็กู้ได้ จะเห็นได้ว่าการรีไฟแนนซ์ ทำให้เราสามารถเริ่มต้นผ่อนหนี้ก้อนใหม่ที่มีเงื่อนไขและประโยชน์ที่ดีกว่าเดิม ทำให้สามารถจัดการหนี้ได้ดีขึ้น ช่วยบริหารเงินในชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้นได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามหากเราต้องการจะทำการรีไฟแนนซ์ จะต้องผ่อนมามากกว่า 50% ของยอดหนี้รถยนต์ทั้งหมด ซึ่งหากเราวางเงินดาวน์มากก็จะมีโอกาสได้รับอนุมัติสินเชื่อได้มากเช่นกัน
เลือกรีไฟแนนซ์รถที่ไหนดี?
รถที่ติดไฟแนนซ์ สามารถรีไฟแนนซ์รถได้ 2 ทางเลือกคือ การรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดกับสถาบันการเงินเดิม และการย้ายไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดไปยังสถาบันการเงินใหม่ โดยการรีไฟแนนซ์ทั้ง 2 ทางเลือกมีรายละเอียดที่ควรทราบ ดังนี้
รีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดกับสถาบันการเงินเดิม
การรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินเดิมมีข้อดีคือ กระบวนการรวดเร็วและสะดวกกว่า เนื่องจากสถาบันการเงินมีข้อมูลของคุณอยู่แล้ว นอกจากนี้ หากคุณเป็นลูกค้าที่มีประวัติการชำระเงินที่ดี อาจได้รับข้อเสนอพิเศษหรือการพิจารณาที่ยืดหยุ่นกว่า อย่างไรก็ตาม ข้อเสียคือ คุณอาจไม่ได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุดในตลาด เนื่องจากไม่ได้เปรียบเทียบกับสถาบันการเงินอื่น ๆ
ย้ายไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดไปสถาบันการเงินใหม่
การย้ายไปรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินใหม่เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากกว่า เนื่องจากสถาบันการเงินแห่งใหม่ มักจะให้ข้อเสนอที่ดีกว่า เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า หรือวงเงินสินเชื่อที่สูงกว่า เป็นต้น แต่กระบวนการอาจใช้เวลานานและต้องเตรียมเอกสารมากกว่า นอกจากนี้ ยังอาจมีค่าธรรมเนียมในการปิดบัญชีกับสถาบันการเงินเดิมด้วย
สิ่งที่จะต้องทำก่อนรีไฟแนนซ์รถยนต์
การรีไฟแนนซ์รถยนต์นั้นสามารถทำได้ทั้งกับสถาบันการเงินที่เราใช้บริการสินเชื่ออยู่แล้ว หรือสถาบันการเงินแห่งใหม่ ก่อนที่เราจะทำการรีไฟแนนซ์นั้น ควรจะต้องหาข้อมูลต่างๆประกอบการพิจารณาก่อน ไม่ว่าจะเป็นข้อเปรียบเทียบของบริการ อัตราดอกเบี้ย เงื่อนไขและข้อเสนอต่างๆขอสถาบันการเงินแต่ละแห่ง เพื่อดูข้อดี ข้อเสีย และเลือกว่าที่ไหนจะให้ประโยชน์กับเราได้สูงสุด
สรุปแล้วการรีไฟแนนซ์รถคือการนำรถยนต์ที่กำลังผ่อนอยู่มาขอสินเชื่อใหม่ที่ได้ประโยชน์มากกว่าเดิม ทั้งข้อเสนอ เงื่อนไข อัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาการผ่อน ซึ่งการพิจารณาสินเชื่อนั้นจะต้องผ่อนมามากกว่า 50% ของยอดหนี้รถทั้งหมด หรือเราสามารถวางเงินดาวน์รถจำนวนมากเพื่อให้มีโอกาสได้รับอนุมัติสินเชื่อได้มากขึ้น อย่าลืมว่าก่อนรีไฟแนนซ์รถเราจะต้องเปรียบเทียบข้อเสนอจากสถาบันการเงินต่างๆเพื่อให้เราได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุด
ปล่อยรถโดนยึด โดนอะไรบ้าง แล้วต้องทำยังไงต่อ ?
ปล่อยให้รถถูกยึดไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะนอกจากจะต้องสูญเสียทรัพย์สินแล้ว ยังอาจมีภาระหนี้และผลกระทบทางกฎหมายตามมา การปล่อยรถโดนยึดจะโดนอะไรบ้างและควรทำอย่างไรต่อไปหากรถโดนยึด
สาเหตุที่รถถูกยึดจากไฟแนนซ์
การที่คนส่วนใหญ่มักจะโดนไฟแนนซ์ยึดรถมาจาก การขาดส่งค่างวดรถ ติดต่อกันหลายงวดโดยทั่วไป 3 งวดขึ้นไป การทำผิดเงื่อนไขสัญญาเช่าซื้อ เช่น ขายต่อหรือโอนกรรมสิทธิ์โดยไม่แจ้งไฟแนนซ์ และการตั้งใจปล่อยให้รถโดนยึดไปเลย หรือตั้งใจหลบหนี ติดต่อไม่ได้ ทำให้ไฟแนนซ์ต้องใช้สิทธิตามกฎหมายยึดรถ
เมื่อปล่อยให้รถถูกยึด จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ?
ปล่อยให้รถถูกยึด เพราะไม่สามารถส่งค่ารถไหวเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง และการปล่อยให้รถโดนยึดไปก็ไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหาในเรื่องการจะไม่จ่ายเงินค้างค่างวดรถที่เหลือทั้งหมดอีกด้วย ซึ่งปัญหาของการปล่อยให้รถถูกยึดจากไฟแนนซ์ มีดังนี้
ยึดรถไปแล้วแต่หนี้ไม่หมด
หลายคนเข้าใจผิดว่าพอรถโดนยึดไป หนี้จะจบ แต่จริง ๆ แล้ว หากยอดขายรถไม่พอหักลบยอดหนี้ทั้งหมด เจ้าของรถยังคงต้องชดใช้ส่วนต่างที่เหลืออยู่ เมื่อคุณไม่ติดต่อขอไถ่ถอนรถภายในระยะเวลาที่กำหนด (ปกติ 15-30 วัน) ไฟแนนซ์มีสิทธินำรถไปขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาหักหนี้ทันที
ยังต้องจ่าย ส่วนต่าง อยู่ดี
การขายรถขายทอดตลาดของไฟแนนซ์นั้นมักจะขายในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด ทำให้ได้ในราคาที่ไม่สูงมาก ทำให้หลายคนที่โดดยึดรถไปต้องมานั่งจ่ายค่าส่วนต่างของรถที่โดดยึดอยู่ดี เพราะราคารถที่ขายได้ต่ำกว่ายอดหนี้คงเหลือ (รวมดอกเบี้ย + ค่าธรรมเนียม) คุณต้องชำระ ส่วนต่างที่เหลืออยู่ให้หมด
เครดิตเสีย / ติดเครดิตบูโร/แบล็คลิส
เป็นสิ่งที่เจ้าของรถจะต้องทำใจไว้อยู่แล้วหากไม่ยอมผ่อนรถต่อแล้วปล่อยให้รถโดนยึด เมื่อมีประวัติขาดส่งหนี้งวดรถ ไฟแนนซ์จะแจ้งไปยังเครดิตบูโรทำให้เจ้าของรถมีประวัติการผิดชำระหรือไม่ยอมชำราคาหนี้ ซึ่งจะส่งผลเสียในอนาคตเป็นอย่างมากทำให้การขอสินเชื่อในอนาคตยากขึ้น เช่น บ้าน, รถ, บัตรเครดิต อาจจะไม่ได้รับการอนุมัติ
. อาจโดนฟ้องศาล
สุดท้ายแล้วหลายคนเลือกที่จะไม่ชำระส่วนต่าง หากคุณไม่ชำระหนี้ส่วนต่างที่เหลืออยู่ ไฟแนนซ์มีสิทธิ์ ฟ้องร้องดำเนินคดีทางกฎหมาย หากแพ้คดีอาจโดนอายัดเงินเดือน/บัญชี หรือยึดทรัพย์ ซึ่งจะทำให้คุณต้องสูญเสียมากกว่าที่คิดอย่างแน่นอน
ทางออกเมื่อรถถูกยึด หรือกำลังจะถูกยึดรถ ทำอย่างไรได้บ้าง
เพื่อป้องกันไม่ให้การผิดชำระงวดรถส่งผลเสียมากเกินไปในอนาคต ถึงแม้ว่าจะไม่อยากที่จะจ่ายค่างวดรถต่อหรือต้องการปล่อยให้รถโดนยึดไปเลยก็ตาม ก็ควรที่จะทำตามคำแนะนำดังนี้
1. รีบติดต่อไฟแนนซ์ทันที เพื่อเจรจาขอไถ่ถอน หรือประนอมหนี้ อย่าปล่อยเงียบ เพราะยิ่งนาน ค่าใช้จ่ายจะยิ่งบาน
2. คืนรถให้ไฟแนนซ์โดยตรง โดยไฟแนนซ์จะรับรถกลับไป ตรวจสภาพ ประเมินมูลค่า นำรถไปขายทอดตลาดหรือประมูล ถ้ารถขายได้มากกว่ายอดหนี้ก็ไม่ต้องเสียส่วนต่าง และไม่ต้องเสียเครดิต หรือติดเครดิตบูโรอีกด้วย
3. ขอไถ่ถอนรถคืน ถ้าไม่อยากติดเครดิตบูโร ถ้ารถยังไม่ขายทอดตลาด ก็สามารถขอไถ่ถอนรถโดยจ่ายยอดค้างทั้งหมด + ค่าดำเนินการ บางกรณีอาจผ่อนชำระยอดค้างไถ่ถอนแบบผ่อนใหม่ได้
4. ขอรีไฟแนนซ์รถยนต์ก่อน เพราะจะช่วยลดค่างวดรายเดือน, ขยายระยะเวลาผ่อนชำระ, และ ลดดอกเบี้ย ทำให้จัดการภาระการเงินได้ง่ายขึ้นและยังคงใช้รถได้ต่อไป
5. ขอประนอมหนี้ผ่านช่องทางกฎหมาย เช่น ผ่านสำนักงานกองทุนเพื่อผู้บริโภค, สคบ., หรือศาลไกล่เกลี่ย
รถถูกยึดไปแล้ว อยากได้รถคืนต้องทำยังไง ?
เมื่อรถถูกยึดไปแล้วทางเลือกในการดำเนินการต่อไปเพื่อให้ได้รถคืน คือการหาเงินมาปิดยอดค้างชำระเพื่อรับรถคืน ซึ่งรวมถึงค่างวดที่ค้างไว้ 3-4 เดือน และอาจมีค่าธรรมเนียมการติดตามทวงหนี้เพิ่มเติม การเจรจาโดยตรงกับทางไฟแนนซ์เป็นอีกทางที่แนะนำ เพื่อหาข้อตกลงที่เหมาะสมและลดภาระค่าใช้จ่าย
สรุป
บอกเลยว่าการปล่อยให้รถโดนยึดจากไฟแนนซ์ไม่ได้ช่วยให้คุณจบปัญหาหนี้ทั้งหมดลงได้ แต่ยังต้องรับผิดชอบส่วนต่างหนี้หากรถขายได้ไม่พอใช้หนี้ แถมยังเสียประวัติเครดิต ติดเครดิตบูโรหรือติดแบล็คลืส และอาจถูกฟ้องศาลจนถึงขั้นอายัดทรัพย์ได้อีกด้วย หากไม่ต้องการใช้รถแล้วควรคืนรถโดยตรงกับไฟแนนซ์อย่างถูกต้อง เพื่อลดผลกระทบทางกฎหมายและการเงินในอนาคตจะดีที่สุด
แนะนำการ รีไฟแนนซ์รถยนต์ / รีไฟแนนซ์ กับ จำนำทะเบียนรถ
ทำไมรถถึงถูกยึดเมื่อมีหนี้เสียรถยนต์เพิ่มขึ้น เมื่อรถจะถูกยึดทำไงดี
จากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน หลายคนต้องเผชิญกับปัญหาการเงินที่รุมเร้า โดยเฉพาะผู้ที่กำลังผ่อนรถและมีภาระค่าใช้จ่ายสูง จนอาจนำไปสู่การเกิดหนี้เสียรถยนต์ และเสี่ยงต่อการถูกยึดรถในที่สุด บทความนี้ จะพาคุณไปทำความเข้าใจให้มากขึ้นว่า หนี้เสียรถยนต์คืออะไร? ทำไมเวลาหนี้เสียเพิ่มขึ้น รถยนต์ถึงถูกยึดเป็นจำนวนมาก พร้อมสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังจะมีหนี้เสียรถยนต์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจและวางแผนรับมือ รวมถึงแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที
หนี้เสีย NPL คืออะไร?
หนี้เสียหรือ NPL (Non-Performing Loan) คือ หนี้ที่ลูกหนี้ไม่สามารถชำระเงินคืนให้กับสถาบันการเงินได้ตามข้อตกลง โดยทั่วไปจะนับเมื่อค้างชำระเกิน 90 วัน สาเหตุมักเกิดจากรายได้ไม่เพียงพอ การบริหารเงินผิดพลาด หรือการเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่นการเจ็บป่วย การตกงาน เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งหนี้เสียได้หลายประเภท ได้แก่
หนี้เสียบัตรเครดิต : หนี้ที่เกิดจากการใช้บัตรเครดิตและไม่สามารถชำระเงินตามกำหนดเวลา
สินเชื่อบุคคล : หนี้ที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวันหรือเพื่อการลงทุน
หนี้เสียรถยนต์ : หนี้ที่เกิดจากการขอสินเชื่อรถยนต์ใหม่ เพื่อนำเงินซื้อรถยนต์และไม่สามารถชำระเงินตามสัญญา
โดยหนี้เสีย นับว่าเป็นหนี้ที่มีผลกระทบต่อทั้งผู้กู้และธนาคาร ในมุมมองของผู้กู้ การมีหนี้เสียจะทำให้ประวัติการเงินมีปัญหา ส่งผลให้การขอกู้สินเชื่อในอนาคตยากขึ้น เนื่องจากธนาคารจะมองว่าคุณมีความเสี่ยงสูงและอาจปฏิเสธการให้สินเชื่อใหม่ หรือเสนออัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
สำหรับธนาคาร การมีลูกหนี้ที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด จะทำให้ธนาคารมีหนี้ที่ต้องติดตามและบริหารจัดการเพิ่มขึ้น ทำให้ธนาคารมีความเสี่ยงในการสูญเสียเงินทุน และต้องวางแผนสำรองสำหรับหนี้เสียเพิ่มขึ้น
ทำไมเวลาหนี้เสียเพิ่มขึ้น รถถึงถูกยึดเยอะขึ้น
เมื่อได้เข้าใจกันไปแล้วว่า หนี้เสียคืออะไร? หลายคนก็อาจจะสงสัยว่า ทำไมเวลาหนี้เสียเพิ่มขึ้น รถยนต์ถึงถูกยึดมากขึ้นตามไปด้วย? คำตอบคือ เนื่องจากรถยนต์เป็นสินทรัพย์มูลค่าสูงที่มีระยะเวลาผ่อนสั้นกว่าที่อยู่อาศัย เมื่อผู้กู้ไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดได้และสร้างหนี้เสียรถยนต์ขึ้นมา ผู้กู้ก็มักเลือกจะยอมให้ยึดรถมากกว่ายอมเสียที่อยู่อาศัย ทำให้เมื่อมีหนี้เสียเพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้มีปริมาณรถที่ถูกยึดเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น หากคุณไม่ต้องการโดนยึดรถ การรีไฟแนนซ์รถจึงเป็นแนวทางที่จะช่วยให้คุณสามารถผ่านพ้นวิกฤตหนี้เสียรถยนต์ไปได้
สัญญาณเตือนว่าคุณกำลังมีหนี้เสียรถยนต์
แน่นอนว่าเมื่อค่าใช้จ่ายในการใช้รถสูงเกินไป ทั้งค่าน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา ค่าประกัน และค่า พ.ร.บ. คนที่มีปัญหาด้านการเงินจึงเลือกที่จะจอดรถไว้และหันไปใช้การเดินทางสาธารณะแทนเพื่อลดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ลง ซึ่งนับว่าเป็นสัญญาณชัดเจนว่าสภาพคล่องทางการเงินกำลังมีปัญหา
2. เริ่มจ่ายค่างวดล่าช้าเมื่อเริ่มรู้สึกว่าผ่อนรถไม่ไหว จึงควรรีบหาวิธีการแก้ไขปัญหาเพราะจะช่วยให้คุณมีทางเลือกและหาทางออกได้ ดีกว่าปล่อยทิ้งไว้นานจนกลายเป็นหนี้เสียหรือมียอดค้างชำระ ดังนั้น การสังเกตสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังมีหนี้เสียรถยนต์ จะช่วยให้คุณหาทางรับมือและแก้ไขได้ทันท่วงที
1. มีรถแต่ไม่นำมาใช้งาน
หลายคนน่าจะรู้กันดีว่า การมีรถยนต์สักคัน ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายเฉพาะตอนที่ซื้อรถยนต์เท่านั้น แต่ยังมีค่าใช้จ่ายระหว่างการใช้รถยนต์อย่างต่อเนื่อง
การจ่ายค่างวดล่าช้าเป็นสัญญาณอันตรายที่ชัดเจนว่า คุณกำลังมีปัญหาด้านการเงิน โดยเฉพาะเมื่อค้างชำระเกิน 1 เดือนขึ้นไป เพราะการกลับมาจ่ายให้ตรงเวลาจะยิ่งยากขึ้น เนื่องจากต้องจ่ายทั้งค่างวดปกติและค่างวดค้างชำระพร้อมค่าปรับไปพร้อม ๆ กัน
3. กู้เงินเพื่อจ่ายค่างวด
การกู้เงินมาจ่ายค่างวดรถเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุและเป็นวิธีที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะแม้ว่าการกู้เงินมาจ่ายค่างวดรถ จะทำให้คุณสามารถจ่ายหนี้ได้ตรงเวลาและรักษาประวัติเครดิตเอาไว้ได้ แต่ก็สามารถทำได้ในระยะสั้น ๆ เท่านั้น เพราะนอกจากคุณจะต้องผ่อนรถตามปกติแล้ว ยังมีภาระหนี้ก้อนใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก ทำให้เกิดเป็นหนี้ซ้ำซ้อนที่จัดการได้ยาก
4 ยอดผ่อนรถต่อเดือนเกิน 40% ของรายได้
การมียอดผ่อนรถต่อเดือนเกิน 40% ของรายได้ นับว่าเป็นสัญญาณเตือนที่สามารถสังเกตได้ง่ายที่สุด เพราะโดยปกติแล้ว ภาระหนี้รวมทั้งหมดของผู้ที่มีรายได้ประจำ ไม่ควรเกินกว่า 40% ของรายได้ ดังนั้น หากคุณมียอดผ่อนรถต่อเดือนมากกว่า 40% ของรายได้ นั่นหมายความว่า คุณมีความเสี่ยงที่จะผ่อนรถต่อไม่ไหว จนอาจก่อให้เกิดหนี้เสียรถยนต์ขึ้นในอนาคตได้
ยกตัวอย่างเช่น หากมีรายได้ 20,000 บาท แต่ผ่อนรถ 10,000 บาท เท่ากับว่าคุณจะต้องสูงเสียรายได้ถึง 50% ไปกับการผ่อนรถ และแม้ว่าจะยังมีเงินเหลืออยู่ แต่หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หรือต้องใช้เงินฉุกเฉินขึ้นมา เงิน 50% ที่เหลือก็อาจจไม่เพียงพอ และก่อให้เกิดปัญหาสภาพคล่องทางการเงินได้
ผ่อนรถไม่ไหวปล่อยให้รถถูกยึดคุ้มไหม?
หากคุณรู้ตัวแล้วว่า ผ่อนรถต่อไม่ไหว หลายคนน่าจะมีคำถามว่า ผ่อนรถไม่ไหวปล่อยให้รถถูกยึดคุ้มไหม? คำตอบคือ ไม่คุ้ม เพราะแม้ว่าจะปล่อยให้รถถูกยึดไปแล้ว แต่หนี้รถที่มีอยู่ไม่ได้หมดตามไปด้วย คุณยังต้องรับผิดชอบส่วนต่างหลังจากที่ไฟแนนซ์นำรถไปขายทอดตลาด อีกทั้งยังส่งผลเสียต่อประวัติเครดิตอีกด้วย
ซึ่งระยะเวลาที่รถจะเริ่มโดนยึดไปคือ ต้องค้างชำระค่างวดทั้งหมด 3 เดือนขึ้นไป ดังนั้น หากคุณยังอยากรักษารถไว้ใช้งาน ในระยะเวลา 3 เดือนให้คุณพยายามหาเงินก้อนมาชำระหนี้ให้ทัน หรือหาตัวช่วยในการลดอัตราดอกเบี้ยรถ เพิ่มระยะเวลาผ่อน และอาจมีเงินก้อนเหลือใช้จ่ายเพิ่มเติม คือ รีไฟแนนซ์รถยนต์ หรือกรณีถ้ามีหนี้หลายก้อนก็สามารถ รวมหนี้เป็นก้อนเดียว
ขั้นตอนการยึดรถของไฟแนนซ์
หากคุณไม่อยากชำระงวดรถต่อไปแล้ว และเลือกที่จะปล่อยให้รถถูกยึด คุณอาจจะต้องเตรียมรับมือกับปัญหามากมายที่จะตามมามากมาย ดังนั้น เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นว่า จะปล่อยให้รถถูกยึด หรือจะหาตัวช่วยในการชำระหนี้รถยนต์อย่างการรีไฟแนนซ์ และการรวมหนี้เป็นก้อนเดียว จึงได้รวบรวมขั้นตอนการยึดรถของไฟแนนซ์มาแบ่งปันให้คุณได้ทราบกัน
ถูกติดตามหนี้ (อย่างเป็นธรรมและถูกกฎหมาย)
หลังจากค้างค่างวดรถมาแล้ว 3 งวด หรือ 90 วัน คุณจะถูกติดตามหนี้จากธนาคารหรือสถาบันการเงินอีก 30 วัน ซึ่งการถูกติดตามหนี้ในแต่ละรูปแบบ จะมีค่าบริการ อย่างไรก็ตาม วิธีการติดตามหนี้เหล่านี้ จะเป็นวิธีการที่ถูกกฎหมายเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น การติดตามหนี้โดยการส่งจดหมายทวงถามไปที่บ้าน การโทรหาเพื่อติดตามหนี้จากธนาคารหรือสถาบันการเงิน การติดต่อผ่านสำนักกฎหมาย และการดำเนินคดีทางศาล
ไฟแนนซ์ดำเนินการร้องต่อศาล
หลังจากที่ผ่านระยะเวลาติดตามหนี้ 30 วันไปแล้ว ธนาคารหรือสถาบันการเงินจะดำเนินการร้องต่อศาล เพื่อให้ศาลออกหมายบังคับคดี จากนั้นจะมีการนำหมายศาลดังกล่าวมาแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี โดยในวันที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินจะมาดำเนินการยึดรถกับลูกหนี้ จะต้องมีการพาเจ้าพนักงานบังคับคดีมายึดทรัพย์ด้วยตัวเอง ถึงจะเป็นการดำเนินการยึดรถได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ไฟแนนซ์ยึดรถเพื่อนำไปขายทอดตลาด
เมื่อครบกำหนด 120 วัน (90 วันค้างชำระ + 30 วันทวงถาม) และผู้กู้ไม่ได้มีการติดต่อเพื่อขอประนอมหนี้ในระหว่างนั้น ธนาคารหรือสถาบันการเงินมีสิทธิ์ยึดรถ โดยต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วันก่อนยึดรถและนำไปขายทอดตลาด
อย่างไรก็ตาม หากธนาคารหรือสถาบันการเงินสามารถขายรถได้ในราคาสูงกว่ายอดหนี้คงเหลือ คุณจะมีสิทธิ์ได้รับเงินส่วนต่างคืนมาด้วย แต่หากมูลค่ารถที่ขายไปต่ำกว่ามูลค่าหนี้คงเหลือ คุณจะต้องจ่ายส่วนต่างเหล่านั้นให้กับธนาคารหรือสถาบันการเงินด้วยเช่นกัน
รถจะถูกยึดทําไงดี ไม่อยากติดแบล็กลิสต์ต้องรู้
ถ้าคุณกำลังเผชิญปัญหาผ่อนรถไม่ไหวและไม่อยากให้รถถูกยึด ยังมีทางออกที่จะช่วยให้คุณรักษารถและเครดิตทางการเงินเอาไว้ได้ ดังนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าวิธีการแก้ปัญหาที่จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการถูกยึดรถและไม่ต้องติดแบล็กลิสต์มีอะไรบ้าง
1. เจรจากับธนาคารหรือสถาบันการเงินในปัจจุบัน ธนาคารและสถาบันการเงินหลายแห่ง มีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหาการชำระหนี้ ไม่ว่าจะเป็นการพักชำระหนี้ชั่วคราว การให้ชำระเฉพาะดอกเบี้ย เป็นต้น ดังนั้น หากรู้สึกว่ากำลังผ่อนรถไม่ไหวและไม่อยากให้รถถูกยึด คุณควรจะเข้ามาติดต่อกับธนาคารหรือสถาบันการเงินเพื่อเจรจาทันทีที่เริ่มมีปัญหา
2. รีไฟแนนซ์รถ
การรีไฟแนนซ์รถยนต์ให้ผ่อนน้อยลง คือ การนำยอดหนี้ที่เหลืออยู่ มาขยายระยะเวลาผ่อนให้นานขึ้น ทำให้ค่างวดต่อเดือนลดลง ดังนั้นเมื่อเริ่มมีปัญหาก็ควรจะเข้าไปติดต่อธนาคารหรือสถาบันการเงินเพื่อขอรีไฟแนนซ์รถยนต์ และลดภาระค่าใช้จ่ายต่อเดือนลง โดยที่คุณยังสามารถมีรถไว้ใช้งานได้และไม่ส่ผลเสียต่อประวัติเครดิต
3 ขาย เปลี่ยนสัญญา ขายดาวน์
สำหรับวิธีสุดท้าย เป็นวิธีที่หลายคนยังคงสงสัยอยู่ว่า เราสามารถขายรถติดไฟแนนซ์ได้ไหม? คำตอบคือ สามารถขายต่อได้ ซึ่งจะเป็นการขายรถต่อโดยเปลี่ยนสัญญา เป็นวิธีที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่ไม่อยากแบกรับภาระหนี้อีกต่อไป โดยเงินที่ได้ก็จะขึ้นอยู่กับราคาตลาด ณ ตอนนั้นว่า มากหรือน้อยกว่ายอดหนี้ที่เหลือ
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ขายรถได้แล้ว จะต้องนำเงินส่วนที่ได้มาปิดยอดไฟแนนซ์ที่เหลืออยู่ก่อน ถึงจะเป็นการปิดการขายอย่างสมบูรณ์ และหากยอดขายที่ได้ไม่สามารถปิดไฟแนนซ์ได้ทั้งหมด ก็อาจจะต้องมีการตกลงกับผู้ซื้อ เพื่อเปลี่ยนเงื่อนไขเป็นการขายดาวน์ และให้ผู้ซื้อไปผ่อนต่อในเงื่อนไขเดิมแทน
รถโดนยึดอยากได้คืนต้องทำอย่างไร?
หากต้องการไถ่ถอนรถคืน คุณจะต้องหาเงินมาชำระค่างวดค้างทั้งหมดพร้อมค่าติดตามทวงถาม นอกจากนี้ยังควรเจรจากับไฟแนนซ์โดยตรงเพื่อหาทางออกที่เหมาะสม โดยอาจจะขอผ่อนผันการชำระหรือปรับโครงสร้างหนี้
เคยคืนรถ หรือเคยโดนยึดรถ ออกรถใหม่ได้ไหม?
การคืนรถ ไม่ว่าจะเป็นการคืนรถด้วยตัวเอง หรือถูกยึดรถ จะส่งผลให้มีประวัติการชำระล่าช้าเกิน 90 วันในเครดิตบูโร ซึ่งจะคงอยู่ในระบบนาน 3 ปี ในช่วงนี้โอกาสได้รับอนุมัติสินเชื่อใหม่แทบเป็นไปไม่ได้ ต้องรอให้พ้นระยะเวลาดังกล่าวและชำระหนี้เดิมให้หมดก่อน จึงจะสามารถขอสินเชื่อใหม่ได้
สรุปบทความ
รีบแก้ไขตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยป้องกันการถูกยึดรถและผลกระทบต่อเครดิต หากเริ่มมีปัญหา ควรรีบปรึกษาสถาบันการเงินเพื่อหาทางออกที่เหมาะสม เช่น การรีไฟแนนซ์ หรือปรับโครงสร้างหนี้ หนี้เสียรถยนต์เป็นปัญหาร้ายแรงที่ส่งผลกระทบระยะยาวต่อสถานะทางการเงิน การรู้เท่าทันสัญญาณเตือนและดีกว่าปล่อยให้ถูกยึดรถซึ่งจะส่งผลเสียในระยะยาว
เรามีบริการรีไฟแนนซ์รถยนต์ ไถ่ถอนรถยนต์ที่ถูกยึด ปิดบัญชีไฟแนนซ์รถยนต์ จำนำเล่มทะเบียนรถยนต์
เพื่อเสริมสภาพคล่องการเงินให้ลูกค้า