ผ่อนรถไม่ไหว โดนยกเลิกสัญญา โดนคำสั่งศาล และจะส่งมอบรถคืนได้ไหม ทำอย่างไร?

ผ่อนรถไม่ไหว โดนยกเลิกสัญญา โดนคำสั่งศาล และจะส่งมอบรถคืนได้ไหม ทำอย่างไร?

การส่งมอบรถคืนไฟแนนซ์ให้ถูกวิธี และถ้าไฟแนนซ์ไม่รับต้องไปสำนักงานวางทรัพย์: หรือไม่
การตัดสินใจคืนรถให้ไฟแนนซ์ เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากมีผลกระทบทางด้านการเงินและกฎหมายตามมา ดังนั้น ก่อนตัดสินใจใดๆ ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่นและถูกต้อง
ขั้นตอนการส่งมอบรถคืนไฟแนนซ์

ตรวจสอบสัญญา: อ่านสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ให้ละเอียด เพื่อดูเงื่อนไขการคืนรถ เช่น ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้น หรือขั้นตอนการดำเนินการ
ชำระหนี้ค้าง: ก่อนคืนรถ ควรชำระค่างวดที่ค้างชำระทั้งหมด รวมถึงค่าปรับต่างๆ หากมี เพื่อป้องกันปัญหาในภายหลัง
เตรียมเอกสาร: เตรียมเอกสารสำคัญ เช่น สัญญาเช่าซื้อ สมุดคู่มือรถยนต์ บัตรประชาชน และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
แจ้งไฟแนนซ์: แจ้งให้ไฟแนนซ์ทราบถึงความประสงค์ในการคืนรถ และนัดหมายวันเวลานำรถไปส่งมอบ
ตรวจสอบสภาพรถ: ก่อนส่งมอบรถ ควรตรวจสอบสภาพรถให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันข้อพิพาทเรื่องความเสียหาย
รับเอกสารยืนยัน: ขอรับเอกสารยืนยันการส่งมอบรถจากไฟแนนซ์ เพื่อเป็นหลักฐาน
และถ้าไฟแนนซ์ไม่รับคืนรถ
หากไฟแนนซ์ปฏิเสธที่จะรับคืนรถ หรือมีข้อพิพาทเกิดขึ้น ผู้เช่าซื้อรถยนต์สามารถดำเนินการดังนี้
ร้องเรียน: ยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมบังคับคดี เพื่อการวางทรัพย์
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมาย เพื่อขอคำแนะนำในการดำเนินคดี
สำนักงานวางทรัพย์: การนำรถไปฝากไว้ที่สำนักงานวางทรัพย์เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แต่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อน เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายและขั้นตอนที่ซับซ้อน
ข้อควรรู้
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม: การคืนรถอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียมการคืนรถ ค่าขนส่ง หรือค่าเสียหายจากการใช้งานรถ
ผลกระทบต่อเครดิต: การผิดนัดชำระหนี้ หรือมีประวัติการผิดนัดชำระหนี้ อาจส่งผลกระทบต่อเครดิตบูโร ซึ่งอาจมีผลต่อการขอสินเชื่อในอนาคต
คำแนะนำ:
ศึกษาข้อมูลให้ละเอียด: ก่อนตัดสินใจใดๆ ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด เพื่อให้เข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตนเอง
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากมีข้อสงสัย ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมาย หรือผู้ให้คำปรึกษาทางการเงิน
เก็บหลักฐาน: เก็บรักษาเอกสารหลักฐานต่างๆ ไว้ให้ครบถ้วน เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินการในภายหลัง
หมายเหตุ: ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงข้อมูลทั่วไป การดำเนินการจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในสัญญาเช่าซื้อและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมกับกรณีของแต่ละท่าน

ผ่อนรถไม่ไหวเตรียมพร้อมอย่างไรไม่ให้ถูกไฟแนนซ์ยึดรถ

การผ่อนรถเป็นภาระที่หลายคนต้องเจอ แต่หากวันหนึ่งคุณพบว่าการผ่อนรถไม่ไหว อาจทำให้เกิดความกังวลใจว่า ถ้าผ่อนรถไม่ไหวทำไงดี บทความนี้จะนำเสนอวิธีการเตรียมพร้อมและทางออกที่ช่วยให้คุณไม่ต้องสูญเสียเครดิตหรือโดนยึดรถ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการ คืนรถไฟแนนซ์ และการรีไฟแนนซ์รถยนต์ เพื่อให้คุณมีทางเลือกในการจัดการภาระการเงินได้อย่างเหมาะสม

ถ้าผ่อนรถไม่ไหวทำไงดี
หากเราพบว่าการผ่อนรถเริ่มเป็นภาระหนัก ควรพิจารณาวิธีการจัดการต่าง ๆ ดังนี้

ขายดาวน์ให้กับคนอื่น
ผ่อนรถไม่ไหว เราสามารถขายดาวน์ให้กับคนอื่นได้ สามารถทำได้ 2 วิธีคือ

1. ขายในราคาตลาด
วิธีนี้จะเป็นการขายรถในราคาที่ตรงกับราคาตลาดในปัจจุบัน วิธีนี้จะช่วยให้เราได้รับเงินก้อนใหญ่เพียงพอที่จะนำมาชำระหนี้ที่ค้างคาได้ทันเวลา การขายในราคาตลาดมีข้อดีหลายอย่าง เช่น

ได้รับเงินก้อนใหญ่ทันที : เงินที่ได้จากการขายในราคาตลาดสามารถนำมาชำระหนี้สินได้ทันที ทำให้คุณหลุดพ้นจากภาระหนี้ได้รวดเร็ว
ลดภาระดอกเบี้ย : การชำระหนี้ที่ค้างคาในทันทีจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในอนาคต
2. ขายตามจำนวนเงินดาวน์แล้วให้เจ้าของใหม่ไปผ่อนต่อเอง
วิธีนี้คือการขายรถในราคาที่เท่ากับจำนวนเงินดาวน์ที่เราได้จ่ายไปแล้ว จากนั้นให้ผู้ซื้อใหม่เข้ามารับผิดชอบในการผ่อนชำระต่อ วิธีนี้จะช่วยให้เราไม่เสี่ยงคืนรถไฟแนนซ์ ไม่ถูกยึดรถ และไม่เสียเครดิตในระยะยาว              ข้อดีของวิธีนี้คือ
         ลดความเสี่ยงในการถูกยึดรถ : การขายรถแบบนี้ช่วยให้เราไม่เสี่ยงถูกยึดรถและไม่ต้องเสียประวัติทางการเงิน
ง่ายต่อการหาผู้ซื้อ : ราคาขายตามจำนวนเงินดาวน์ที่จ่ายไปแล้วมักจะถูกกว่า ทำให้หาผู้ซื้อได้ง่ายกว่า
ตัวอย่างเช่น หากเราจ่ายเงินดาวน์ไปแล้ว 100,000 บาท และยังมีหนี้สินที่ต้องผ่อนต่อเดือนละ 10,000 บาท ผู้ซื้อใหม่จะต้องจ่ายเงินดาวน์ 100,000 บาทให้เราและรับผิดชอบการผ่อนชำระเดือนละ 10,000 บาทต่อไป
       ถ้าผ่อนรถไม่ไหวทำไงดี ? การเลือกวิธีใดวิธีหนึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเงินและความต้องการของเรา การขายดาวน์ให้กับคนอื่นเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยให้เราสามารถจัดการภาระการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องเสี่ยงต่อการถูกยึดรถหรือติดเครดิตบูโร

คืนรถยนต์ให้กับไฟแนนซ์
ผ่อนรถไม่ไหวคืนรถได้ไหม ? หากรู้ตัวว่ากำลังจะผ่อนไม่ไหว การคืนรถไฟแนนซ์ อาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด การคืนรถเองจะดีกว่าการปล่อยให้รถถูกยึด การคืนรถเพราะผ่อนไม่ไหวจะไม่ทำให้เสียประวัติทางการเงิน

        ถ้าคืนรถให้ไฟแนนซ์เสียเครดิตไหม? คำตอบคือถ้าคืนรถเองและไม่มีการค้างชำระจะไม่เสียเครดิต แต่ถ้าปล่อยให้ค้างชำระจนถูกยึดจะเสียเครดิตและติดแบล็กลิสต์

รีไฟแนนซ์รถยนต์
ผ่อนรถไม่ไหวคืนรถได้ไหม หากมีความจำเป็นต้องใช้รถแนะนำให้ลองรีไฟแนนซ์รถยนต์ก่อน การรีไฟแนนซ์รถยนต์ คือ การขอสินเชื่อใหม่เพื่อมาชำระสินเชื่อเดิม วิธีนี้จะช่วยลดค่างวดรายเดือนหรือขยายระยะเวลาการผ่อนชำระ ทำให้เราสามารถจัดการภาระการเงินได้ง่ายขึ้น โดยปกติแล้วการรีไฟแนนซ์จะมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าและเงื่อนไขการผ่อนชำระที่ยืดหยุ่นมากขึ้น

ประโยชน์ของการรีไฟแนนซ์รถยนต์มีดังนี้
ลดค่างวดรายเดือน : การรีไฟแนนซ์จะช่วยลดภาระค่างวดรายเดือน ทำให้เราสามารถบริหารจัดการเงินได้ดีขึ้น
ขยายระยะเวลาการผ่อนชำระ : สามารถขยายระยะเวลาการผ่อนชำระออกไปได้ ทำให้เรามีเวลาในการจัดการภาระหนี้สิน
ลดอัตราดอกเบี้ย : โดยปกติแล้วการรีไฟแนนซ์จะมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าสินเชื่อเดิม ทำให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

ปรึกษากับธนาคาร
หากรู้สึกว่าภาระการเงินเริ่มหนักเกินไป การปรึกษากับธนาคาร เพื่อหาทางออกเป็นสิ่งที่ควรพิจารณา ธนาคารมักมีหลายวิธีที่จะช่วยลูกหนี้ให้สามารถจัดการกับภาระหนี้ได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องเสียเครดิต โดยวิธีที่นิยมใช้มีดังนี้

การปรับโครงสร้างหนี้ : 

เป็นการเจรจากับธนาคารเพื่อปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระหนี้ เช่น การขยายระยะเวลาการผ่อนชำระหรือลดอัตราดอกเบี้ย
การผ่อนชำระเฉพาะดอกเบี้ย : ในบางกรณีธนาคารอาจอนุญาตให้คุณผ่อนชำระเฉพาะดอกเบี้ยในระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้เรามีเวลาในการจัดการภาระหนี้ที่เหลือ
การหาวิธีชำระหนี้ใหม่ : ธนาคารอาจเสนอทางเลือกอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของเรา เช่น การรีไฟแนนซ์ หรือการขอสินเชื่อเพิ่มเติมเพื่อมาชำระหนี้เดิม

รีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดได้ไหม

          หลายคนที่กำลังผ่อนรถอยู่อาจเคยประสบปัญหาทางการเงิน และคิดหาทางออกเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย แต่รู้หรือไม่ว่า เราสามารถขอ รีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดกับสถาบันการเงินรายใหม่ได้ด้วย โดยหลักการของการรีไฟแนนซ์รถก็คือ การขอสินเชื่อก้อนใหม่จากสถาบันการเงินใหม่ เพื่อมาปิดสินเชื่อก้อนเดิมของสถาบันเดิม แล้วย้ายมาผ่อนสินเชื่อก้อนใหม่ที่ให้ประโยชน์และโปรโมชันที่คุ้มค่า มีความเหมาะสมกับสถานภาพทางการเงินของเราในเวลานั้น ๆ มากกว่าเดิม โดยจะมีวงเงินที่เหลือจากการปิดสินเชื่อเดิมที่เราสามารถนำไปใช้จ่ายและเสริมสภาพคล่องทางการเงินของเราได้อีกด้วย และเพื่อให้คุณมีข้อมูลเกี่ยวกับการ รีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดมากขึ้น ในบทความนี้ จะมาไขข้อข้องใจว่า รวมถึงให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

   การรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดทำได้หรือไม่?
คำตอบคือ คุณสามารถรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดได้ แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่สถาบันการเงินนั้น ๆ กำหนด ซึ่งโดยทั่วไปแล้วสถาบันการเงินจะพิจารณาอนุมัติการรีไฟแนนซ์เมื่อรถยนต์ของผู้ขอสินเชื่อตรงตามเงื่อนไขดังนี้

 ราคาประเมินรถเข้าไฟแนนซ์ต้องมากกว่ายอดที่จะปิด
ผู้กู้ได้ผ่อนชำระไปแล้วมากกว่า 50% ของยอดหนี้รถยนต์ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปตามนโยบายของแต่ละสถาบันการเงิน บางแห่งอาจมีเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นมากกว่า เช่น อาจพิจารณาจากประวัติการชำระเงินที่ดี หรือรายได้ของผู้กู้ประกอบด้วย

  ทำไมคนถึงนิยมรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด
แม้ว่าเวลาที่เราซื้อรถคันใหม่ เราอาจจะพิจารณารายละเอียดของสินเชื่อรถยนต์ให้ได้สิ่งที่คุ้มค่าตั้งแต่แรกแล้ว แต่ก็มีหลายเหตุผลที่ทำให้เราเลือกการรีไฟแนนซ์ในเวลาต่อมา ตัวอย่างเช่น
    การรีไฟแนนซ์รถยนต์ช่วยให้มีเงินก้อนไปเสริมสภาพคล่อง
เมื่อเวลาผ่านไป การใช้ชีวิตของเราก็อาจจะเปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น อีก 4 ปีต่อมา บางคนอาจจะพบภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตมากขึ้น อาจจะมีภาระหนี้มากขึ้นจากการที่ดอกเบี้ยเงินกู้สูงขึ้น หรืออาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ทำให้เราต้องเก็บเงินออมมากขึ้น ก็อาจจะเริ่มรู้สึกว่าการบริหารจัดการเงินทำได้ยากขึ้น เพราะรายรับรายจ่ายตึงเกินไป ก็จะต้องวางแผนจัดการภาระหนี้และภาระทางการเงินใหม่ทั้งหมด

การรีไฟแนนซ์รถจึงเป็นวิธีที่เปิดโอกาสให้ผู้กู้สามารถปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระหนี้ให้สอดคล้องกับรายได้และค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกระยะเวลาผ่อนชำระที่เหมาะสม หรือการปรับรูปแบบการชำระเงินให้ตรงกับรอบการรับรายได้ ทำให้การบริหารจัดการหนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ลดภาระค่าใช้จ่ายรายเดือน
การรีไฟแนนซ์มักมาพร้อมกับการขยายระยะเวลาผ่อนชำระ ทำให้ค่างวดต่อเดือนลดลง ช่วยให้ผู้กู้มีภาระทางการเงินที่น้อยลงและสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น
หลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้
    สำหรับผู้ที่กำลังประสบปัญหาในการชำระหนี้ตามกำหนด การรีไฟแนนซ์เป็นทางเลือกที่ช่วยหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อประวัติเครดิต เพราะการปรับโครงสร้างหนี้ผ่านการรีไฟแนนซ์ จะช่วยให้ผู้กู้สามารถจัดการภาระหนี้ได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงในการถูกยึดรถ และรักษาประวัติเครดิตให้อยู่ในเกณฑ์ดีข้อดีของการรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด
    นอกจากเหตุผลว่าทำไมคนถึงนิยมรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่เราได้กล่าวไปข้างต้นแล้ว การรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดยังมีข้อดีเพิ่มเติมอีกหลายประการ ดังนี้

ประหยัดเงิน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ได้มาหลังจากการรีไฟแนนซ์จะถูกลง และยอดผ่อนชำระดอกเบี้ยต่อเดือนก็จะน้อยลงตามเช่นเดียวกัน ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อย่างมาก

ได้ยืดเวลาผ่อนจ่ายให้นานขึ้น เราสามารถเลือกขอผ่อนชำระให้ยาวนานขึ้นได้ งวดต่อเดือนก็จะลดลง ทำให้เราจัดการชีวิตได้ง่ายขึ้น

ได้เงินก้อนส่วนต่าง เมื่อสถาบันทางการเงินอนุมัติสินเชื่อรีไฟแนนซ์ให้เรา เราอาจจะได้รับเงินส่วนต่างเพื่อมาใช้ในเรื่องสำคัญต่างๆในชีวิตประจำวันได้ ยกตัวอย่างเช่น ในสินเชื่อเดิม เราจะต้องผ่อนรถจำนวน 1 ล้านบาท เราผ่อนมาแล้ว 8 แสนบาท เหลือที่จะต้องผ่อน 2 แสนบาท หลังจากทำการรีไฟแนนซ์แล้ว สถาบันการเงินอาจจะอนุมัติสินเชื่อใหม่ 5 แสนบาท เพื่อให้เรานำเงินไปปิดสินเชื่อเก่า 2 แสนบาท อีก 3 แสนบาท ทำให้สามารถนำเงินส่วนต่างไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ โดยไม่ต้องหาแหล่งเงินกู้เพิ่มเติม ซึ่งอาจมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าได้

รถยังผ่อนไม่หมดขอสินเชื่อได้ไหม?
หากสงสัยว่า รถยังผ่อนไม่หมดขอสินเชื่อได้ไหม? คำตอบคือได้ เพราะการรีไฟแนนซ์นั้นตรงกับหลักการที่ว่า รถผ่อนอยู่ก็กู้ได้ จะเห็นได้ว่าการรีไฟแนนซ์ ทำให้เราสามารถเริ่มต้นผ่อนหนี้ก้อนใหม่ที่มีเงื่อนไขและประโยชน์ที่ดีกว่าเดิม ทำให้สามารถจัดการหนี้ได้ดีขึ้น ช่วยบริหารเงินในชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้นได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามหากเราต้องการจะทำการรีไฟแนนซ์ จะต้องผ่อนมามากกว่า 50% ของยอดหนี้รถยนต์ทั้งหมด ซึ่งหากเราวางเงินดาวน์มากก็จะมีโอกาสได้รับอนุมัติสินเชื่อได้มากเช่นกัน

เลือกรีไฟแนนซ์รถที่ไหนดี?
รถติดไฟแนนซ์ สามารถรีไฟแนนซ์รถได้ 2 ทางเลือกคือ การรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดกับสถาบันการเงินเดิม และการย้ายไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดไปยังสถาบันการเงินใหม่ โดยการรีไฟแนนซ์ทั้ง 2 ทางเลือกมีรายละเอียดที่ควรทราบ ดังนี้

รีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดกับสถาบันการเงินเดิม
การรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินเดิมมีข้อดีคือ กระบวนการรวดเร็วและสะดวกกว่า เนื่องจากสถาบันการเงินมีข้อมูลของคุณอยู่แล้ว นอกจากนี้ หากคุณเป็นลูกค้าที่มีประวัติการชำระเงินที่ดี อาจได้รับข้อเสนอพิเศษหรือการพิจารณาที่ยืดหยุ่นกว่า อย่างไรก็ตาม ข้อเสียคือ คุณอาจไม่ได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุดในตลาด เนื่องจากไม่ได้เปรียบเทียบกับสถาบันการเงินอื่น ๆ
ย้ายไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดไปสถาบันการเงินใหม่
การย้ายไปรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินใหม่เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากกว่า เนื่องจากสถาบันการเงินแห่งใหม่ มักจะให้ข้อเสนอที่ดีกว่า เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า หรือวงเงินสินเชื่อที่สูงกว่า เป็นต้น แต่กระบวนการอาจใช้เวลานานและต้องเตรียมเอกสารมากกว่า นอกจากนี้ ยังอาจมีค่าธรรมเนียมในการปิดบัญชีกับสถาบันการเงินเดิมด้วย

สิ่งที่จะต้องทำก่อนรีไฟแนนซ์รถยนต์
การรีไฟแนนซ์รถยนต์นั้นสามารถทำได้ทั้งกับสถาบันการเงินที่เราใช้บริการสินเชื่ออยู่แล้ว หรือสถาบันการเงินแห่งใหม่ ก่อนที่เราจะทำการรีไฟแนนซ์นั้น ควรจะต้องหาข้อมูลต่างๆประกอบการพิจารณาก่อน ไม่ว่าจะเป็นข้อเปรียบเทียบของบริการ อัตราดอกเบี้ย เงื่อนไขและข้อเสนอต่างๆขอสถาบันการเงินแต่ละแห่ง เพื่อดูข้อดี ข้อเสีย และเลือกว่าที่ไหนจะให้ประโยชน์กับเราได้สูงสุด

       สรุปแล้วการรีไฟแนนซ์รถคือการนำรถยนต์ที่กำลังผ่อนอยู่มาขอสินเชื่อใหม่ที่ได้ประโยชน์มากกว่าเดิม ทั้งข้อเสนอ เงื่อนไข อัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาการผ่อน ซึ่งการพิจารณาสินเชื่อนั้นจะต้องผ่อนมามากกว่า 50% ของยอดหนี้รถทั้งหมด หรือเราสามารถวางเงินดาวน์รถจำนวนมากเพื่อให้มีโอกาสได้รับอนุมัติสินเชื่อได้มากขึ้น อย่าลืมว่าก่อนรีไฟแนนซ์รถเราจะต้องเปรียบเทียบข้อเสนอจากสถาบันการเงินต่างๆเพื่อให้เราได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy